ถ้าท่านใดเคยทานน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นแล้วรู้สึกเผ็ด(peppery) หรือแสบคอ(stinging) หรือ เคืองคอ (irritation) นิดหน่อยเวลากลืนลงคอ นั้นคือคุณลักษณะของสารประกอบฟินอลิกที่ชื่อว่า โอลีโอแคนธัล(oleocanthal)
ซึ่งจะพบเฉพาะในน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นที่มีการสกัดสดๆเท่านั้น(1)
|
รูปโครงสร้างของโอลีโอแคนธัล |
ก่อนหน้านี้ดิฉันได้เขียนบทความสารประกอบฟินอลิกในน้ำมันมะกอกและได้กล่าวถึงสารประกอบหลักๆ
2 ตัว คือ ไฮดรอกซีไทโรซอล(Hydroxytyrosol) และ โอรียูโรพีอีน(oleuropein)(คลิ๊ก) ซึ่งอนุพันธุ์ของมันยังสามารถกลายเป็นสารประกอบฟินอลิกได้อีกมากมาย
โอลีโอแคนธัลก็เป็นหนึ่งในนั้น
และงานวิจัยในระยะหลังเริ่มให้ความสำคัญกับสารตัวนี้ว่ามีคุณสมบัติในการต้านอักเสบ(anti-inflammatory
effect)ได้เช่นเดียวกับยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอย
ด์
(NSAID) เช่นไอบูโพรเฟน(ibuprofen) นอกจากนั้นยังพบว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าเมื่อเทียบที่น้ำหนักโมเลกุลที่เท่ากัน(1,2)
โอลีโอแคนธัลสามารถยับยั้งเอนไซม์ไซโคลออกซีจีเนส(COX) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ทำหน้าที่กระตุ้นให้กรดไขมันอะแรกชิโดนิก(arachidonic
acid, ARA) เปลี่ยนเป็นพรอสตาแกลนดิน(prostaglandins,
PG) และทรอมโบเซน(thromboxane) ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบและก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย เอนไซม์ COX โดยเฉพาะอย่างยิ่ง COX2
เป็นเอนไซม์ที่มีส่วนร่วมกับการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคมะเร็งหลายๆชนิด,
โรคหลอดเลือดหัวใจแข็งตัว(atherosclerosis)
ด้วยเหตุนี้จึงเกิดความเชื่อที่อาจเป็นไปได้ว่าการได้รับสารโอลีโอแคนธัลในปริมาณต่ำๆ
เป็นระยะเวลานานจากการรับประทานน้ำมันมะกอกเป็นประจำมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลดอุบัติการณ์การเกิดโรคต่างๆของชาวเมดิเตอร์เรเนียน(2)
ถ้าเราทานน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นวันละ
50 กรัม หรือ ประมาณ 4 ช้อนโต๊ะ เราจะได้รับสารโอลีโอแคนธัล 10 มก. ต่อวัน ซึ่งเทียบเท่ากับ
10% ของปริมาณยาต้านอักเสบอย่างไอบูโพรเฟนที่ขนาดรับประทานสำหรับผู้ใหญ่
ทั้งนี้มีรายงานวิจัยแนะนำว่าการได้รับยาต้านอักเสบอย่างเช่นไอบูโพรเฟน
และยาต้านเอนไซม์ COX อื่นๆในปริมาณต่ำๆเป็นเวลานานจะสามารถช่วยป้องกันการพัฒนาของโรคมะเร็ง(เช่นมะเร็งลำไส้ใหญ่
และมะเร็งเต้านม) และโรคหัวใจหลอดเลือด(CVD) ได้(2)
การอักเสบเป็นสาเหตุของโรคต่างๆมากมายได้แก่
มะเร็งบางชนิด, โรคที่เกี่ยวข้องกับการเสื่อมของระบบประสาท,
โรคที่เกี่ยวข้องกับการเสื่อมของข้อ และโรคหลอดเลือดหัวใจแข็ง
การได้รับโอลีโอแคนธัลจากน้ำมันมะกอกเป็นประจำจะสามารถลดการอักเสบซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเหล่านี้ได้
โรคที่เกี่ยวข้องกับการเสื่อมของระบบประสาท
โรคอัลไซเมอร์
เป็นโรคที่พบได้ในผู้สูงอายุซึ่งสาเหตุของโรคอัลไซเมอร์ยังไม่เป็นที่แน่ชัดแต่เชื่อว่าอาจมาจาก
2 สาเหตุ โดยสาเหตุแรกคือ
การเปลี่ยนแปลงทางเคมีของโปรตีนเทา(tau) โดยมีการเติมหมู่ฟอสเฟตเข้าไป(phosphorylation) ทำให้โปรตีนเทามีการเปลี่ยนโครงสร้างพันกันเป็นก้อนยุ่งเหยิง(tau
fribrillization)ส่งผลให้การสื่อสารของระบบประสาทผิดไป จากการศึกษาในหลอดทดลองพบว่าโอลีโอแคนธัลสามารถลดการเกิดการพันกันของโปรตีนเทาได้(2) ส่วนสาเหตุที่สองของการเป็นโรคอัลไซเมอร์คือ
การสะสมของโปรตีนบีต้าอะไมลอยด์(amyloid β, Aβ) ซึ่งอนุพันธุ์ของมันมีความเป็นพิษต่อสมอง
จากการศึกษาในหลอดทดลองพบว่าโอลีโอแคนธัลจะไปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของอนุพันธ์นั้น
และเพิ่มการกำจัดออกของภูมิต้านทาน(antibody)(2)
โรคที่เกี่ยวข้องกับการเสื่อมของข้อ
โอลีโอแคนธัลสามารถยับยั้งกิจกรรมของเอนไซม์
COX ลดการผลิตไนไตรท์
และสารก่ออักเสบต่างๆที่เป็นสาเหตุของโรคข้ออักเสบได้(2)
โรคมะเร็ง
โอลีโอแคนธัลมีคุณสมบัติในการยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็ง
และกระตุ้นการตายของเซลล์มะเร็งได้(2)
งานวิจัยล่าสุด(ปี 2013)ของน้ำมันมะกอก
กับคุณสมบัติในการต้านอักเสบ
การต้านโรคลำใส้อักเสบ(ulcerative
colitis)
หนูทดลองกลุ่มที่ได้รับอาหารที่อุดมไปด้วยสารประกอบฟินอลิกในน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้น
จะมีค่าบ่งชี้ของการเกิดโรค และมีการแสดงออกถึงการอักเสบลดลงโดยเชื่อว่าสารประกอบฟินอลิกในน้ำมันมะกอกเกี่ยวข้องกับการต้านอักเสบผ่านการกระตุ้นพีพาร์แกมม่า(PPARg),
การลดสัญญาณของวิถี NF-kB และ MAPK(3)
ลดการผลิตสารชักนำการอักเสบ(inflammatory
mediators)
ส่วนประกอบที่ซาพอนิไฟด์ไม่ได้(ส่วนที่เหลือจากน้ำมันทำปฏิกิริยากับด่าง
เช่น สเตอรอล) สามารลดการผลิตอนุมูลอิสระ และไนไตรท์ในเซลล์ภูมิคุ้มกันแมคโครฟากของหนูทดลองที่ถูกกระตุ้นให้เกิดการอักเสบได้
และนอกจากนี้ยังลดการแสดงออกของยีนที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสารชักนำการอักเสบ(4) นอกจานี้ยังมีการศึกษาในหลอดทดลองโดยสกัดเซลล์ภูมิคุ้มกันโมโนซัยท์จากอาสาสมัครสุขภาพดี
แล้วนำมาศึกษาการผลิตอิออนซุปเปอร์ออกไซด์(O2-) , พรอสตาแกลนดินอีทู(PGE2) และทูเมอร์เนโครติกแฟกเตอร์ (TNFα) ของเซลล์ภูมิคุ้มกันภายหลังจากที่ได้รับสารประกอบฟินอลิกจากน้ำมันมะกอกพบว่ามีการผลิตสารเหล่านั้นลดลงซึ่งเป็นคุณสมบัติเช่นเดียวกับยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์(NSAID)(5)
ป้องกันการเสื่อมของกระดูกอ่อนเนื่องจากโรคข้อเสื่อม(osteoarthritis)
การอักเสบที่บริเวณข้อจะทำให้ลูบริซิน(lubricin)ซึ่งเป็นสารน้ำที่ปกป้องบริเวณข้อต่อลดลง
และเป็นเหตุให้เกิดการเสื่อมของกระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อได้เมื่อเกิดการเสียดสี
จากการศึกษาในหนูทดลองที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อต่อและมีการให้น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นร่วมกับการบำบัดด้วยการวิ่งบนสายพานพบว่าสารน้ำลูบริซินมีปริมาณเพิ่มขึ้น
และมีการอักเสบลดลงจนกลับมาสู่ระดับปรกติ(6)
เพิ่มความสามารถในการต้านอักเสบของคอลเรสเตอรอลชนิดดี(HDL)
โดยปรกติผู้สูงอายุมักจะมีกลไกในการต้านอักเสบลดลงจึงได้มีการศึกษาผลของการรับประทานน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นในคนหนุ่มสาว
และผู้สูงอายุพบว่าการรับประทานน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นเป็นเวลา 12
สัปดาห์สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการต้านอักเสบของHDL และลดการเสื่อมเนื่องจากอายุที่ทำให้กิจกรรมการต้านอักเสบลดลง(7)
นอกจากการรับประทานแล้วการทาภายนอกก็สามารถป้องกันการอักเสบต่างๆได้
เช่นใช้ทาป้องกันการเกิดแผลกดทับในผู้ป่วยสูงอายุที่เคลื่อนที่ไม่ได้(8)
หรือใช้นวดในผู้ป่วยหัวเข่าอักเสบ(knee osteoarthritis) โดยพบว่ามีคุณสมบัติเทียบเท่ากับยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์(NSAID)(9)
ที่มา
- Boskou, D., Tsimidou, M., & Blekas, G. (2006). Polar phenolic compounds.Olive oil.
Chemistry and technology, 2,
73-92.
- Cicerale, S., Lucas, L. J., & Keast, R. S.
J. (2012). Oleocanthal: a naturally occurring anti-inflammatory agent in virgin
olive oil. Olive Oil-Constituents, Quality, Health Properties and
Bioconversions, 357-374.
- Sánchez-Fidalgo, S., Cárdeno, A.,
Sánchez-Hidalgo, M., Aparicio-Soto, M., & de la Lastra, C. A. (2013).
Dietary extra virgin olive oil polyphenols supplementation modulates
DSS-induced chronic colitis in mice. The
Journal of nutritional biochemistry.
- Cardeno, A., Sanchez-Hidalgo, M.,
Aparicio-Soto, M., & Lastra, C. A. D. L. (2013). Unsaponifiable fraction
from extra virgin olive oil inhibits the inflammatory response in lps-activated
murine macrophages. Food
Chemistry.
- Rosignoli, P., Fuccelli, R., Fabiani, R.,
Servili, M., & Morozzi, G. (2013). Effect of olive oil phenols on the
production of inflammatory mediators in freshly isolated human monocytes. The Journal of nutritional
biochemistry.
- Musumeci, G., Trovato, F. M., Pichler, K.,
Weinberg, A. M., Loreto, C., & Castrogiovanni, P. (2013). Extra-virgin
olive oil diet and mild physical activity prevent cartilage degeneration in an
osteoarthritis model: an< i> in vivo</i> and< i> in
vitro</i> study on lubricin expression. The
Journal of Nutritional Biochemistry.
- Loued, S., Berrougui, H., Componova, P.,
Ikhlef, S., Helal, O., & Khalil, A. (2013). Extra-virgin olive oil
consumption reduces the age-related decrease in HDL and paraoxonase 1
anti-inflammatory activities. British
Journal of Nutrition, 1-13.
- Lupiáñez-Pérez, I., Morilla-Herrera, J. C.,
Ginel-Mendoza, L., Martín-Santos, F. J., Navarro-Moya, F. J., Sepúlveda-Guerra,
R. P., ... & Morales-Asencio, J. M. (2013). Effectiveness of olive oil for
the prevention of pressure ulcers caused in immobilized patients within the
scope of primary health care: study protocol for a randomized controlled trial. Trials, 14(1), 348.
- AlMalty, A. M., Hamed, S., AbuTariah, H., &
Jebril, M. (2013). The effect of Topical Application of Extra Virgin Olive Oil
on Alleviating Knee Pain in Patients with Knee Osteoarthritis: a Pilot Study. Indian Journal of Physiotherapy and
Occupational Therapy-An International Journal, 7(3), 6-11.